วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หนุ่มใหญ่ หัวใจวายเฉียบพลัน ดับคารถเก๋ง

หนุ่มใหญ่ หัวใจวายเฉียบพลัน ดับคารถเก๋ง

หนุ่มใหญ่ หัวใจวายเฉียบพลัน ดับคารถเก๋ง ขับรถเก๋ง หัวใจหวาย ไหลไปอีกฝั่งของถนน ชนรถอีกคัน ตรงข้ามถนน ชักก่อนเสียชีวิต


เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63 เวลา 18.00น. ที่ผ่านมา ร.ต.อ. จำลอง คงสวัสดิ์ ร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการรับแจ้ง มีอุบัติเหตุรถชนกัน ที่บริเวณสายคลองเตย คลองเปล ใกล้ช่วงสี่แยกช่างวัย ในเขตเทศบาลเมืองคอหงส์ พบผู้เสียชีวิต ภายในรถยนต์ เข้าตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย

เมื่อถึงจุด เกิดเหตุ พบรถยนต์ โตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา ทะเบียนรถ ขษ 9415 สงขลา และรถอีกคัน ที่ถูกชน รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส ทะเบียนรถ ขน 9195 สงขลา ที่มีการเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณด้านหน้า ซึ่งด้านในของรถ โตโยต้า ยาริส ตรวจพบ ศพนายชัยยุทธ์ คำสถิต อายุ 45 ปี ไม่ได้มีการเสียชีวิตจากการถูกรถชน



แต่เบื้องต้นนั้นพบว่า นายชัยยุทธ์ น่าจะ เสียชีวิต จากการเกิด หัวใจวายเฉียบพลัน ด้านหน่วยกู้ภัย ได้มีการนับร่างนายชัยยุทธ์ ออกมาจากรถ และนำนับส่งไปชันสูตร เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต อีกครั้ง ที่รพ.หาดใหญ่ และได้มีการประสานงานญาติเพื่อรับศพ ด้านรถเก๋งอีกคนที่ถูกชน มีคนภายในรถ 3คน ทั้งหมดปลอดภัย

ตร.ได้สอบถาม เพื่มเติม น.ส. สาวิตรี แก้วดำ อายุ28 เจ้าของรถ โตโยต้า วีออส ได้มีการแจ้งว่า ตนได้จอดรถติดไฟแดงสี่แยกอยู่นั้น ก็มีรถยาริสคันเกิดเหตุได้ไถลข้ามมาจากอีกเลนนึง และมาชนกับรถตนที่ด้านหน้า และได้พยายามบีบแตร เพื่อส่งเสียงเตือน เพื่อให้คนขับ มีสติ เพราะคิดว่าคงหลับใน และรถก็ยังคงไหลมาชน และรถขับไม่มีการลงจากรถแต่อย่างใด >> ข่าวเด่นวันนี้


ตนเลยลงไปเปิดประตู จึงพบชายที่กำลังชักเกร็งอยู่ด้านใน และเกียร์ยังอยู่ ในตัว D ตนจึงเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ว่าง และรีบแจ่งหน่วยกูภัย แต่ก็ไม่ทัน เจ้าของคนรับยาริส เสียชีวิตในเวลาต่อมา

หนุ่มเมาแล้วขับ ชนรถมอไชต์ ตายคาที่1 เจ็บสาหัส 3

หนุ่มเมาแล้วขับ ชนรถมอไชต์ ตายคาที่1 เจ็บสาหัส 3

หนุ่มเมาแล้วขับ ชนรถมอไชต์ ตายคาที่1 เจ็บสาหัส หนุ่มเมาแล้วขับ ชนรถมอไชต์ ตายคาที่1 เจ็บสาหัส 3 สารภาพผิดดื่มหนักกับเพื่อน แล้วขับรถกลับ ผลตรวจพุ่ง 91%


สถานที่เกิดเหตุ ถนนข้าวหลาม ที่ตัดแยกไป ถนนบางแสนสาย 2 ที่เกิดเหตุ จะอยู่ที่จุดกลับรถหน้าห้างโลตัส อ.เมือง จ.ชลบุรี ตรวจสอบพบรถยนต์ ฮอนด้า สีขาว ที่ ชนกับรถจักรยานยนต์ ผู้เสียหาย เป็นรถฟีโน่ สีน้ำตาล-ดำ
ตรวจพบผู้เสียชีวิต 1 ราย และ บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ที่ ติดอยู่ในรถยนต์ คันดังกล่าว  หน่วยกู้ภัย 122 หน่วยกูภัยธรรมรัศมีมณีรัตน์ และหน่วยกู้ภัย จังหวัดชลบุรี  ได้รับแจ้งเหตุว่า รถยนต์ ซีวิค สีขาว คันก่อเหตุ
ได้มีความขับมาด้วยความเร็วสูง และได้เกิดเสียหลัก ชนกับ รถจักรยานยนต์ ที่ ผู้เสียชีวิต นั้น เป็นผู้หญิงวัย 47 ปี ด้านรถยนต์ มีคนขับ เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 20 ปี ที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และผู้หญิง ผู้หญิง2คน พบว่า บาดเจ็บสาหัส1คน และขาหัก อีก 1 คน >> อุบัติเหตุทางรถยนต์ 
ด้าน ร.ต.ท. ชัยวิชิต รอง สว.สส. สภ.แสนสุข ได้มีการสอบสวน เพื่มเติม กับคนขับ ตนนั้นได้สารภาพว่า ได้ดื่มเหล้ามากับเพื่อนๆ และช่วงขากลับได้ไปส่งเพื่อนที่บ้าน ในช่วงที่เกิดเหตุ ได้มีรถมาตัดหน้า เลยมีการหักหลบ ทำให้ตนนั้นเสียหลัก และเกิดการชนกับรถจักรยานยนต์ขึ้น เมื่อตรวจสอบวัดแอลกอฮอล์ได้ สูงถึง 90 เปอร์เซนต์ เบื้องต้นทางตำรวจได้ตั้งข้อหา ขับรถโดยประมาทและ เมาแล้วขับ และตรวจสอบข้อมูลต่อไป เพื่อดำเนินคดี

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

กระบะชนต้นไม้! คนขับตายคาที่พร้อมเจ้าหมาคู่ใจ2ตัว แฟนสาวกระเด็นเจ็บสาหัส

กระบะชนต้นไม้! คนขับตายคาที่พร้อมเจ้าหมาคู่ใจ2ตัว แฟนสาวกระเด็นเจ็บสาหัส


เมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 พ.ต.ท. ปณสิทธิ์ ฤทธิ์รงค์ สารวัตรสอบสวน สภ. เมืองประจวบศีรีขันธ์ ได้มีการรับแจ้งเหตุ เกิดอุบัติเหตุ รถกระบะชน ต้นไม้ ตกร่องกลาง ถนน พบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต คาที่ ในรถ บน เส้นถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หน้าสถานี พัฒนาที่ดิน ประจวบศีรีขันธ์ ม.13 ได้ทำการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับ หน่วยกู้ภัย อบต.บ่อนอก พบรถกระบะ โตโยต้า สีดำ ทะเบียนรถ ยข 9562 ชลบุรี ที่ตกอยู่กลางถนน ร่องกลาง ที่มีการชนกันต้นไม้ ขนาดใหญ่ และมีการชนอย่างรุนแรงมาก จนด้านหน้ารถนั้นพังยับเยิน ซึ่งตัวคนขับนั้นเป็นชายโดนอัดก๊อปปี้ ติดคาพวงมาลัย เสียชีวิตคาที่ ทันที โดยทราบชื่อ เป็น นายชาญชัย เวียงสิมา อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ทำการงัดเพื่อนำร่างออกมา จากซากรถที่พังยับ
และได้นำผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นผู้หญิง อายุราวๆ 40 ปี บาดเจ็บสาหัส ได้นำตัวส่ง รพ.ประจวบคีรีขันธ์ และเจอข้างๆ ตัวรถ พบกับ สุนัขบางแก้ว 2 ตัว นอนตายอยู่ข้างรถ สภาพรถพบ ทีวี พัดลม เสื้อผ้า ตุ๊กตา สัมภาระอื่นๆมากมาย >>> กระบะชนอัดเสาไฟฟ้าแรงสูง ไฟดับ 10 กม.

มีผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถกระบะ คันด้งกล่าวนั้น ขับมาด้วยความเร็วมาก จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง กระบะขับมาด้วยเลนขวา จู่ๆ รถพ่วงขับมาในเลนซ้าย ได้ทำการแซง ที่ออกมากจากเลนซ้ายของตัวเอง จนทำให้ กระบะที่เกิดเหตุนั้นเสียหลักตกร่องไป

ด้าน พนง.สอบสวนได้ทำการค้าหาข้อมูลให้แน่ชัดต่อไปอีกครั้งนึง และได้ทำการติดตามสืบหารถพ่วงคู่กรณี ต่อไป

กระบะชนจยย. ลาก!! ร่างยายดับ หลานสาหัส

กระบะชนจยย. ลาก!! ร่างยายดับ หลานสาหัส



รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บริเณถนนปากทางเข้าศูนย์อพยพลาว บ้านนาโพธิ์ ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม จึงประสานแพทย์เวร รพ.นครพนม เจ้าหน้าที่กู้ภัยศรีสัตตนครพนม กู้ภัยนครพนม รถกู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง และรถกู้ชีพ 1669 รพ.ค่ายพระยอดเมืองขวาง

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน ถนนทางหลวงหมายเลข 22 สายนครพนม-สกลนคร จุดกลับรถฝั่งขาออกตัวเมือง พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีขาว ทะเบียน บพ 7373 กาฬสินธุ์ สภาพหน้ารถพังยับเยิน เศษชิ้นส่วนรถปลิดกระจัดกระจาย สภาพตะแคงข้าง มีนายกิตติศักดิ์ คิดอ่าน อายุ 30 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ คนขับ เป็นช่างช่อมเครื่องจักร หจก.ประชาพัฒน์ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ไม่ได้รับบาดเจ็บ ยืนรอให้การในที่เกิดเหตุ  >>>  รถเมล์ทับร่างวินมอเตอร์ไชต์เสียชีวิต

ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์ ทะเบียน กนย 3 นครพนม สภาพรถพังยับเยินล้อหน้าพับเป็นเลขแปด ตัวรถขาดครึ่ง ใกล้กันพบศพนางเกลี้ยน คำเพชรดี วัย 63 ปี ชาวบ้านเทพพนม หมู่ 8 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม สภาพศพนอนหงาย ข้อเท้าซ้ายและขวาขาด 2 ข้าง เสียชีวิตใต้ป้ายสัญญาณบอกทาง สภาพป้ายหักบิดงอ ส่วนคนขี่รถจักยานยนต์ทราบชื่อ น.ส.มิลค์ ภางาม อายุ 16 ปี หลานสาวนางเกลี้ยน ผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส รถกู้ชีพนำตัวส่งรักษาที่ รพ.นครพนม

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายกิตติศักดิ์ ขับรถมากับเพื่อน หลังจากซ่อมรถบดและรถเกรดของบริษัทดังกล่าว ซึ่งมารับเหมาก่อสร้างถนนทางหลวง ใน อ.ท่าอุเทน จะมุ่งหน้ากลับ อ.สมเด็จ ขณะขับมาถึงที่เกิดเหตุ มี น.ส.มิลค์ ขี่รถจักรยานยนต์พานางเกลี้ยนซ้อนท้าย มาจากบ้านเทพพนม จะไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสดบ้านนาโพธิ์ ก่อนถูกรถกระบะชนลากรถจักรยานยนต์ไปไกล 50 เมตร ก่อนถูกรถทับร่างเสียชีวิตและบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สาวดวงซวย ขี่ จยย. ถูก หกล้อทับหัวดับสยอง

สาวดวงซวย ขี่ จยย. ถูก หกล้อทับหัวดับสยอง



พบ น.ส. มินตรา สีสด อายุ21ปี นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน กะโหลกศีรษะ ถูกล้อทับจนแตกระเอียด สมองไหลออกมากระจาย และมีหมวกกันน็อกแตกอยู่ข้างๆ ศพด้วย ช่วงที่ห่าง ประมาณ 40 เมตร เจอรถจักรยาน ฮอนด้า สกูปปี้ไอ สีน้ำเงิน ทะเบียนรถ 2 ชง 5656 กทม. คว่ำกลางถนน

ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ผู้ตายขี่รถ จยย.อยู่ ถูกรถบรรทุกหกล้อตีตู้ทึบ เฉี่ยวล้มลงศีรษะถูกล้อรถบรรทุกทับแตก และลากรถ จยย.ไปไกลประมาณ 50 เมตร หลังเกิดเหตุคนขับรถรถบรรทุก ก็เร่งเครื่องหลบหนีมุ่งหน้าไปทางพัทยา  >> หกล้อชนคนขาขาด

เบื้องต้นตำรวจ จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดหารถคันก่อนเหตุ เพื่อติดตามตัวคนขับมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ไฟไหม้ที่บ้านพัก อู่รถเมล์


ไฟไหม้ที่บ้านพัก อู่รถเมล์ 

เมื่อเวลา 03.20 น. ร.ต.ท.เอกชัย อินนิมิตร รอง สว.สอบสวน สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในอู่รถโดยสารประจำทาง สายบางแค-บางบอน ซอยบางแค 6 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานรถดับเพลิงจากสถานีดับเพลิงบางแค

 เมื่อเจ้าหน้าตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น ลักษณะเป็นห้องพักของพนักงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเร่งใช้น้ำดับเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบในจุดเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 3 คน เป็นผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 1 คน
 ด้านนายกุลประวัติ ยิ่งสกุล เจ้าของอู่รถโดยสารประจำทาง เปิดเผยว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นปูน ชั้นที่ 2 เป็นไม้ แบ่งให้พนักงานพักจำนวน 8 ห้อง โดยห้องที่พบผู้เสียชีวิตจะอาศัยด้วยกันทั้งหมด 3 คน คือนายวิชา ทำหน้าที่ขับรถโดยสารประจำทาง สายบางแค-วัดสิงห์ ให้กับทางอู่มาแล้ว 10 ปี อยู่กับภรรยาและหลานอายุ 8 เดือน 
 ส่วนนายสุวรรณ ไข่แจ้ง ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นประมาณ 03.00 น. ตนเองอาศัยอยู่ที่ชั้น 2 ได้ยินเสียงจากบริเวณชั้นล่าง จึงได้เปิดประตูออกมาดู ก็พบกับกลุ่มควันและแสงเพลิง จึงได้พยายามวิ่งหนีออกมา จากนั้นไม่นานไฟก็ลุกลามไหม้ทั้งหมด
 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยหลังจากเกิดเหตุ ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาดูเหตุการณ์ และร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

รถเมล์ 115 เบรกแตก ชนสาวคอขาด

รถเมล์ 115 เบรกแตก ชนสาวคอขาด


เมื่อวันที่6 มี.ค. 63 พื้นที่ สน.ลาดพร้าว รับเหตุ รถเมล์ สาย 115 เส้นทางวิ่ง สวนสยาม-สาทร ที่มีการพุ่งชนคนเดินเท้า เสียชีวิต ที่บริเวณแยกบางกะปิ ทราบเรื่องเป็นผู้หญิง อายุ 30-35 ปี ไม่ทราบชื่อ เคราะห์ร้ายถูกชน อย่างจัง สภาพสยดสยองมาก หัวขาด สมองกระจัดกระจายทั่ว ตรวจพบแค่ คีย์การ์ดแมนชั่น คาดว่าจะเป็น ห้องพักผู้เสียชีวิต >> ยายโดนรั้วบ้านทับตาย


ตรวจสอบพบว่า รถเมล์ ได้จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสะพานข้ามคลองแสนแสบ ที่ติดไฟแดงอยู่ และอยู่ดีๆก็ เกิดการไหลของรถแล้วเป็นอาการที่เบรกไม่อยู่ และพุ่งชนกับผู้เสียชีวิต ทันที คาดการไว้ว่าเบรกแตก เพราะเนื่องจากมีน้ำมันรั่วเต็มถนน สน.ลาดพร้าวทำการดำเนินการต่อไป

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เฒ่าวัย 70 ปี กับวิวาห์นักศึกษาสาววัย 20

เฒ่าวัย 70 ปี กับวิวาห์นักศึกษาสาววัย 20


อาจเพราะเรื่องของความรักไม่มีพรมแดน หรือประตูกำหนดอายุและกลุ่มเพศวัย ทำให้ในดลกยุคใหม่เราจะเห็นภาพงานแต่ง บ่าวสาว ที่ต่างไปจากคนยุคก่อน เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในข่าวนี้ เป็นการแต่งงานของบ่าวสาวชาวลาวที่มีอายุต่างกันถึง 50 ปี ความรักที่แสนหวาน ไม่มีหรอกว่า คู่ควร หรือไม่คู่ควร 


 เจ้าบ่าวอายุ 70 ปี ส่วนเจ้าสาวเพิ่งเป็นนักศึกษาปีที่ 2 อายุ 20 ปี โดยเจ้าบ่าวได้นำสินสอดกว่า 99 ล้านกีบ หรือเป็นเงินไทยกว่า 370,000 บาท พร้อมทองคำ 5 บาท รถยนต์ 1 คัน และ สร้างบ้านไว้รออีก 1 หลัง พร้อมทั้งกำหนดสัญญาในการแต่งงานไว้ดังนี้

ในกรณีที่เจ้าสาววัย 20 ปี ไม่ดูแลเจ้าบ่าวทรัพย์สินทั้งหมด 80 เปอร์เซ็นต์จะเป็นของเจ้าบ่าวทันที ส่วนเจ้าสาวจะได้รับไปแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  ข่าวเด่นเฒ่ายิงคนตาย ท้อง4เดือน

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ถ้าไม่ผ่านงามฯ เอาเงินมา300บาท ค่าแท็กซี่

ถ้าไม่ผ่านงามฯ เอาเงินมา300บาท ค่าแท็กซี่

ถ้าไม่ผ่านงามฯ เอาเงินมา300บาท ค่าแท็กซี่ เล่นเอางงไปทั้งรถเมล์ เมื่อชาวทวิตแชร์เหตุการณ์ที่สาวรายหนึ่ง เรียกรถเมล์ เผยจุดหมายปลายทางคนละที่แต่กลับเรียกขอเงินค่าแท็กซี่แทน
เล่นเอางงไปทั้งรถเมล์ เมื่อชาวทวิตแชร์เหตุการณ์ที่สาวรายหนึ่ง เรียกรถเมล์ เผยจุดหมายปลายทางคนละที่แต่กลับเรียกขอเงินค่าแท็กซี่แทน
เป็นโพสต์ที่ได้รับการแชร์โดยสมาชิกทวิตเตอร์ Kaewkanda ซึ่งได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ระหว่างพนักงานเก็บค่าโดยสาร รถเมล์สาย 99 ซึ่งพบว่า ในภาพมีหญิงรายหนึ่งยืนอยู่บริเวณทางขึ้นลงรถ ลักษณะเท้าหนึ่งอยู่กับพื้นอีกครึ่งอยู่บนรถ ทำให้รถไม่สามารถออกได้

โดยผู้โพสต์ได้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เธอก้าวขึ้นรถถามกระเป๋าว่ารถไปงามวงศ์วานมั้ย กระเป๋าตอบว่าไม่ไป เธอเลยลงมายืนคาประตูแบบนี้แล้วบอกให้เอาค่าแท๊กซี่มาให้เธอ 300 บาท #แบบนี้ก็ได้เหรอ @ป้ายรถเมล์ คลองตัน @js100radio @fm91trafficpro เราออกมาแล้ว ไม่รู้จบยังไงนะ” ท่ามกลางความมึนงง ว่า เกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนดังกล่าว
ข่าวเด่นวันนี้ คลิก
กระเป๋ารถเมล์คนดัง คลิก

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ฝึก “สุนัข” ดมกลิ่นหาเชื้อ โควิด19

ฝึก “สุนัข” ดมกลิ่นหาเชื้อ โควิด19

ฝึก “สุนัข” ดมกลิ่นหาเชื้อ โควิด19 โดยรัฐบาลอังกฤษได้สนับสนุนเงินวิจัยอีก 5 เเสนปอนด์หรือราว 19 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลที่ต้องการตรวจหาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ให้รวดเร็วที่สุด 

 

ในการทดสอบเฟสเเรก จะใช้สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ และค็อกเกอร์ สแปเนียล 6 ตัว ที่ฝึกฝนมาเป็นพิเศษ “ดมกลิ่นตัวอย่าง” ที่หน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติและโรงพยาบาลลอนดอน นำตัวอย่างผู้ติดเชื้อและผู้ที่ไม่ติดเชื้อมาให้สุนัขเหล่านี้ทดลองดมกลิ่น โดยจะทำการฝึกฝนเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์
หากการทดสอบนี้ประสบความสำเร็จ จะต่อยอดเฟสสองด้วยการการทดสอบใน “สนามจริง” เเละหากได้ผลลัพธ์ที่ดีเเละผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการ ในอนาคตสุนัขจะสามารถดมกลิ่นคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 ได้ 250 คนต่อชั่วโมง อย่างในสนามบินหรือที่อื่นๆ หรืออาจใช้เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าได้ด้วย
จากผลการวิจัยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาของมูลนิธิสุนัขตรวจสอบทางการแพทย์ ชี้ให้เห็นว่าสามารถฝึกสุนัขให้ดมกลิ่นโรคที่มีความเจือจางเทียบเท่ากับการละลายน้ำตาล 1 ช้อนชาในสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก 2 สระ โดยทาง ดร. Claire Guest ผู้ร่วมก่อตั้งเเละผู้บริหารมูลนิธิฯ มั่นใจว่า “สุนัขของเราจะสามารถหากลิ่นของ COVID-19 ได้”
โดย ศาสตราจารย์ เจมส์ โลแกน หัวหน้านักวิจัยจากวิทยลัยฯ ได้กล่าวว่า ” ก่อนนหน้านี้เราพบมาลาเรียที่มีกลิ่นเฉพาะตัว และเมื่อเราร่วมมือกับ องค์กรฯ เราฝึกสุนัขให้ตรวจมาลาเรียได้อย่างถูกต้องความสำเร็จดังกล่าวบวกกับความรู้ที่ว่าโรคทางเดินหายใจ สามารถเปลี่ยนกลิ่นตัว ทำให้เราหวังว่า สุนัขจะสามารถตรวจพบเชื้อ โควิด-19 ได้เช่นกัน ” 
ข่าวการเมือง คลิก
โควิด-19  คลิก 

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คู่ตลกใจบุญ ตั๊ก นุ้ย แจกอาหารฟรี ช่วงโควิด-19

คู่ตลกใจบุญ ตั๊ก นุ้ย แจกอาหารฟรี ช่วงโควิด-19


คู่ตลกใจบุญ ตั๊ก นุ้ย แจกอาหารฟรี ช่วงโควิด-19  ประสานจนท.จังหวัดดูแลความเรียบร้อย ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ขณะเดียวกันในประเทศไทย แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็มีประชาชนที่ได้รับผลพวงจะสถานการณ์เช่นนี้ไม่น้อย 

ล่าสุด “นุ้ย เชิญยิ้ม” และ “ตั๊ก ศิริพร” สามี-ภรรยา คนบันเทิงชื่อดัง ได้เปิดบ้านพักของตัวเอง เพื่อนำอาหาร ทั้งอาหารปรุงสุกและข้าวสารอาหารแห้ง มามอบให้กับชาวบ้านในระแวกนั้น เมื่อหลายคนทราบข่าวก็ต่างไปต่อแถวเข้าคิวรอรับอาหารกันอย่างมากมาย







โดย “ตั๊ก ศิริพร” ได้เล่าเรื่องราวผ่านอินสตาแกรมว่า “วันนี้บ้านพี่ตั๊กยังคงแจกอาหารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดนะคะแถวยาวมากๆๆๆแม่อ้อยและทีมงานปันน้ำใจอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนนะคะยินดีค่ะไม่ต้องห่วงนะค่ะทางจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความเรียบร้อยค่ะและมีพยาบาลมาดูแลด้วยค่ะ”